Table of Contents
Arknights เป็นเกมแนว TD ที่ขึ้นชื่อว่า “Tier List ไม่ค่อยมีความหมาย” และ “เน้นตัว Waifu (หรือ Husbando) ดีกว่า” แต่เวลาเล่นจริง ไม่ว่าเกมไหนๆ ทุกยูนิตก็มีข้อดี ข้อเสีย ของตัวเองเสมอ แถม EXP กับเงินที่ได้แต่ละวันก็มีจำกัด ไม่พอเลี้ยงสาวๆ ทั้งกองทัพ ทำให้เกิดคำถามว่าควรปั้นยูนิตไหนก่อน-หลัง มี Tier Lists ช่วยก็พอทำให้เข้าใจเกมได้เร็วขึ้นว่า ควรจัดทีมอย่างไร
เทียร์ลิสต์มีหลายเวอร์ชั่น ตามความเห็นของเกมเมอร์ที่เล่น Arknights มาเป็นปีที่แตกต่างกันตามความถนัดและการอัพเดตของเกม ผมเลยหยิบมาเวอร์ชั่นหนึ่งที่ดูค่อนข้างเข้าใจง่าย มาอธิบาย
จุดแตกต่างของตัว 1-6 ดาว
- 6 ดาว เลื่อนขั้นได้ถึง E2, LV 90 มีให้เลือก 3 สกิล, มี 2 Talent
- 5 ดาว เลื่อนขั้นได้ถึง E2, LV 80 มีให้เลือก 2 สกิล, มี 1 Talent (บางตัว 2)
- 4 ดาว เลื่อนขั้นได้ถึง E2, LV 70 มีให้เลือก 2 สกิล, มี 1 Talent
- 3 ดาว เลื่อนขั้นได้ถึง E1, LV 55 มี 1 สกิล, มี 1 Talent
- 1-2 ดาว เลื่อนขั้นไม่ได้ เลเวลสูงสุด 30, มี 1 สกิล, มี 1 Talent
หมายเหตุ
- เป็น Tier Lists เวอร์ชั่นแรกของเซิร์ฟเวอร์ Global ช่วงมกราคม 2020 จะแตกต่างในเวอร์ชั่นหลังๆ
- T0 = เทพ, T1-T2 = เก่ง, พวก T3-T4 = พอใช้ได้ แต่ถ้ามีตัวดีกว่าอาจไม่ต้องปั้น
- พวก 2-3 ดาว พอใช้ได้ช่วงแรก แต่ไม่เหมาะกับฉากยากๆ หรือ Chapter 6 – 7 หรือ Event ยากแบบ Contingency Contract Sector 59
2/20: เพิ่ม Grani / Skadi / Beehunter / Nightmare / Midnight / Catapult
6/3/20: ตารางเวอร์ชั่น 3 Link / 31/3/20: ตารางเวอร์ชั่น 4
24/4/20: ตารางเวอร์ชั่น 5 / 6/5/20: ตารางเวอร์ชั่น 6
อธิบายคร่าวๆ ตัวแรกๆ
Sniper (เป้าเดียว)
T0: Exusiai (6 ดาว)
ตัวท็อปที่ไม่ต้องพูดอะไรเยอะ สกิลยังแรง ทั้งบัฟ Cost ไม่สูง ยิงแรง
T1: Blue Poison (5 ดาว) / Platinum (5 ดาว)
Blue Poison ยิงแบบติดพิษและโดนหลายเป้าหมายได้ ใช้ได้ยืดหยุ่น ส่วน Platinum หลัง Elite จะยิงไกลขึ้นมาก (ระยะ 5X3) ถึงยิงช้าลงแต่แรงขึ้น มีผลตลอดเวลา
T2: Meteor (4 ดาว) / Jessica (4 ดาว)
Meteor มีดีบัฟลด Def ถึงสองสกิลเหมาะกับสู้พวกถึก ส่วน เจสซิก้า ถ้าปลด Elite จะมีสกิลเพิ่มโอกาสหลบกายภาพและเวทถึง 75% ทำให้โอกาสรอดจากพวกโจมตีไกลสูง
T3: Kross (3 ดาว)
ตัวใช้งานดี โปรโมทได้ตั้งแต่เริ่มเกม พอใช้แทนพวก 4 ดาวไปได้สักระยะ ถ้าเริ่มเบื่อเสียง Kokodayo! ค่อยเปลี่ยนเป็นตัวอื่น
T4: Adnachiel (3 ดาว) / Ranger (2 ดาว)
ตัวดาวต่ำเหมาะกับบางภารกิจ Cost ต่ำ อัพ Talent เร็วอย่าง Ranger ยิงตัวบิน +50% และ Adnachiel ที่เล็งพวกตัวยิงไกลได้ก่อน แต่โปรโมทไม่ได้เลย Stat น้อย ระยะยาวไม่ค่อยน่าใช้ อัพไว้ใช้ด่านแรกๆ พอได้อยู่
Sniper (AOE)
T1: Meteorite (5 ดาว)
ยิงทั้งแรงและกระจาย สกิล 2 ตอนขึ้น Elite ลด Def ศัตรูได้นาน
T2: Shirayuki (4 ดาว)
มีสกิล 1 เพิ่มโจมตีไกลอีก 2 ช่อง และหลัง Elite 1 โจมตีซ้ำแบบต่อเนื่อง ทำให้ศัตรูเคลื่อนที่ช้าลงเล็กน้อยแบบต่อเนื่อง
T3: Catapult (3 ดาว)
มีสกิลเพิ่มระยะการโจมตีให้ไกลขึ้น
SP: Firewatch (5 ดาว) / Provence (5 ดาว)
กลุ่มยิงแรง แต่ดีตามสถานการณ์
Caster (เป้าเดียว)
T0: Eyjafjalla (6 ดาว)
ตัวท็อปที่บัฟสายเวทได้ ลดความสามารถป้องกันเวทศัตรู และสกิลหลัง Elite 2 ยังโดนหลายเป้าพร้อมกัน ซึ่งเห็นผลมากในด่านหลังๆ
T1: Amiya (5 ดาว)
ตัวเริ่มต้น แต่ใช้ดีมากแบบเกินคาด ใช้ได้ยาว หลัง Elite 2 จะได้ทาเลนท์บูสต์ SP ให้ตัวเองที่เห็นผลมา ด้านสกิลก็โหดอยู่ ขึ้นกับสถานการณ์
T3: Nightmare (5 ดาว) / Haze (4 ดาว) / Steward (3 ดาว)
ไนท์แมร์ เด่นตรงสกลิ 2 สโลว์เป็นกลุ่มแล้วตอดเลือดแบบไม่สนพลังป้องกัน เป็นตัวใช้ดีในอนาคตโดยเฉพาะอีเวนต์โหดๆ แต่ศัตรูอ่อนเกินเลยไม่ค่อยมีประโยชน์ เก็บไว้แล้วเลี้ยงตัวอื่นก่อนจะดีกว่า
T4: Dulin (2 ดาว)
Caster (AOE)
T0: Ifrit (6 ดาว)
ตัวโจมตีเวทสายเส้นตรง แรงมาก ไม่สนตัวข้างๆ ผลเรื่องระยะทำให้จำกัดพื้นที่ใช้งานไปพอสมควรเช่นกัน จึงเหมาะกับการดักในเส้นตรงที่บอสวิ่งเข้ามา
T1: Skyfire (5 ดาว)
ตัวเวทสาย AoE ที่มีสตั๊นหมู่ในสกิล 2 แล้วยังทำให้ดาวตกร่วงมาเรื่อยๆ เพื่อหยุดต่อเนื่อง ใช้งานดีมาก
T2: Gitano (4 ดาว)
ตัวโจมตีหมู่ สกิลสองโจมตีโดนทุกตัวในระยะไกลต่อเนื่องถึง 30 วินาที แต่แลกมาด้วยการสตั๊นหลังหมดผลสกิลนาน
T3: Lava (3 ดาว)
T4: 12F (2 ดาว)
Guard (Multi Block)
T0: SilverAsh (6 ดาว)
ตัวโหดที่ยิ่งปลดสกิลยิ่งเก่ง มีโหมดสู้ใกล้-ไกล สามารถตีไกลกว่าปกติได้แต่เบาลงเล็กน้อย ทำให้ศัตรูในระยะโจมตีไม่สามารถซ่อนตัวได้ สกิลลูกเล่นเยอะตัวหนึ่ง โดยเฉพาะสกิล 3 ที่โจมตีไกลและแรงขึ้น แล้วยังโดนเป็นกลุ่มโดยไม่ถูกลดความแรง
T1: Lappland (5 ดาว)
มีสกิลเฉพาะผนึกสกิลศัตรู ทำให้มอนสเตอร์แสบๆ บางตัวไม่สามารถใช้สกิลได้ ตีไกลเป็นเวทมนตร์ได้
T2: Frostleaf (4 ดาว)
T3: Dobermann (4 ดาว) / Midnight (3 ดาว)
Guard (Single Block)
T1: Skadi (6 ดาว)
ตัวเดี่ยวบอสตัวต่อตัวที่โหดเป็นพิเศษ
T2: Franka (5 ดาว) / Matoimaru (4 ดาว) / Melantha (3 ดาว) / Indra (5 ดาว) / Mousse (4 ดาว)
Franka พลังโจมตีและป้องกันดูสะดุดตา เด่นเรื่องการทะลวง Def แต่บล็อคได้ตัวเดียว และการฆ่าตัว Def เยอะใช้ทีมเวทแทนได้ จึงไม่โดดเด่นมากนัก
Indra มีอัตราหลบหลีก ตีแรง ดูดเลือด ค่อนข้างยืดหยุ่นและลดภาระตัวฮีลไปได้พอสมควร สกิลสองเปลี่ยนเป็นโจมตีเวทก็สู้พวกถือโล่ได้ดี โดยเฉพาะบอส แต่ไม่ได้ตีแรงมากและบล็อคได้แค่ 1 ตัว จึงต้องประยุกต์ใช้งานให้ดี
T3: Beehunter (4 ดาว)
ตัวต่อยรัวมาก ยิ่งต่อยซ้ำเป้าเดิมยิ่งแรง แต่ไม่ได้โหดมากมาย
Guard (AOE)
T1: Specter (5 ดาว)
ตัวพลังชีวิตสูง ฟื้นฟูเลือดได้ ตีกวาดโดนทุกตัวที่บล็อค สกิลสองทำให้เป็นอมตะชั่วขณะและ E2 ฟื้นฟูเลือดให้ตัวเองได้
T3: Savage (5 ดาว) / Estelle (4 ดาว)
SP: Castle-3 (1 ดาว)
Defender (Tank)
T0: Hoshiguma
ตัวบล็อคที่โจมตี 1 ช่อง นอกจากถึกแล้ว ยังโจมตีศัตรูได้ด้วยความแรงที่พอสมควร สกิลสองสะท้อนความเสียหายแบบติดตัว สกิลสามเน้นความแรงโจมตีและถึกขึ้นมาก
T1: Liskarm / Croissant / Cuora
ตัวบล็อคที่ดีไปคนละอย่าง โดยเฉพาะ Cuora ที่สามารถแลกได้ใน Store ตั้งแต่ต้นเกม ใช้งานดีมาก, Liskarm เร่ง SP ตนเองและเพื่อนได้ ทั้งสกิล 1-2 เพิ่มจากจำนวนครั้งที่โดนโจมตี ทำให้อาจเพิ่มได้เร็วมากขึ้นกับจำนวนศัตรู สกิล 2 เปลี่ยนเป็นโหมดโจมตี พร้อมมีโอกาสสตั๊นทีละหลายตัว Croissant มีทีเด็ดตรงสกิล 2 ที่ผลักพร้อมสตั๊นนานสุดอาจถึง 4 วินาที
T2: Matterhorn
T3: Beagle
T4: Noir Corne
Defender (Medic Tank)
T0: Saria
สกิลสองฮีลหมู่ได้ในระยะ 2 ช่องรอบตัวและแรง หรือเลือกใช้สกิลสาม ฮีลต่อเนื่อง ใช้ดีบัฟศัตรูให้โดนเวทและเดินช้าลงได้ ผลจาก Talent ยังทำให้ตัวที่ฮีล ได้ SP เพิ่มทีละ 1
T1: Nearl
มี 2 Talent ที่เพิ่มผลการฮีลตนเอง และ คนอื่น สกิล 2 หยุดโจมตีชั่วคราวแล้วบัฟโจมตีตัวเองเพื่อฮีลคนอื่นที่อยู่ใกล้ๆ สวมบทฮีลเลอร์ค่อนข้างเต็มตัว
T2: Gum (Гум)
ตัวที่ได้จากแพ็คเกจราคาถูก ทั้งสตั๊นศัตรูและฮีลเพื่อนได้
T4: Cardigan
SP: Vulcan
Vanguard (Skill CP)
T0.5: Siege (6 ดาว)
บัฟแวนการ์ดตัวอื่น แล้วยังเพิ่ม SP ไวจากศัตรูที่ตายใกล้ๆ โจมตีได้แรง
T1: Texas (5 ดาว) / Zima (5 ดาว)
Texas สกิลสองเป็นสตั๊นหมู่กว้าง 2 ช่อง นานถึง 2 วินาที Zima เน้นลด DP และบัฟพรรคพวกแวนการ์ด ดีไปคนละอย่าง
T2: Scavenger / Courier
T3: Vanilla / Fang
T4: Yato
Vanguard (Kill CP)
T2-T3: Vigna / Plume
พวกฆ่าแล้วได้ CP ช่วงแรกถือว่าตีแรงอยู่ เวิร์คในบางฉาก แต่หลังๆ พอศัตรูถึกจะเริ่มไม่ค่อยเด่น
Medic (Single Target)
T1: Shining / Silence / Warfarin
พวกฮีลที่ดีไปคนละอย่างตามสถานการณ์ Shining เน้นกายภาพและมีสกิล 2 ฮีลเพิ่มเกราะ ส่วน Silence ฮีลรัว แล้วเรียกโดรนมาช่วยฮีลในตำแหน่งที่ต้องการได้ Warfarin เป็นตัว 5 ดาวสายฮีลเดี่ยว ที่เก่งพอๆ กับ 6 ดาว Talent ทั้งเพิ่ม SP ให้ตนและพรรคพวกได้ สกิลแรกฮีลตัวที่เลือดลดเยอะ ตาม HP ของเป้าหมายได้
T2: Myrrh / Gavial
T3: Hibiscus / Ansel
Medic (Multi Target)
T0: Nightingale / Ptilopsis
ตัวท็อปที่ดีไปคนละอย่าง ไนติ้งเกล ช่วยกันเวทได้ดี ถ้าสกิลถึงขั้น 3 จะมีตัวล่อเป้า ส่วน Ptilopsis เร่งอัตราฟื้น SP ทั้งสนาม 0.15-0.3 ต่อวินาที
T2: Perfumer
สกิลฮีลติดตัวได้ทั่วสนามในทุกวินาที แต่เบามากช่วงแรกแค่หลักหน่วย จึงพึ่งพาไม่ได้มากนัก
SP: Lancet-2
ตัวฟรีดาวเดียว แต่ใช้งานได้จริง ทั้ง Cost ต่ำแล้วยังฮีล 200+ ทั้งสนามตอนลงมา แถมไม่สน Limit ตัวที่ลงสนามได้
Support (CC / Buff-Debuff / Summon)
CC T1-T4: Angelina / Истина (Istina) / Earthspirit / Orchid
กลุ่มที่ลดความเร็วศัตรูได้ ส่วนใหญ่ดาวสูงก็มีประโยชน์เยอะ Angelina ตัวซัพพอร์ตที่มีทั้งฮีล สโลว์ สกิล 2-3 ถ้าไม่กดใช้จะช่วยฟื้น HP ในสนามได้ สกิลสองบัฟโจมตีเร็วมากชั่วขณะ ส่วนสกิลสามจะสวมบทเป็น AoE โจมตีหมู่, Istina โจมตีสโลว์แบบเน้น DPS สกิล 2 ทำให้โจมตีรอบตัวได้ไกลขึ้นในรอบทิศ เหมาะกับบางฉาก ถึงความสามารถจะดี แต่ไม่มีสกิล AoE หรือ Debuff พรรคพวก ใช้แคสเตอร์อาจจะดีกว่า จึงเหมาะกับฉากที่ต้องการตัวสโลว์ใส่พวกบอส
Buff/Debuff T1: Pramanix / Sora
พวกมีประโยชน์ในด่านหลังๆ มีบัฟและดีบัฟเยอะ เหมาะกับพวก Stat สูง แต่ไม่ค่อยเด่นในช่วงแรกของเกม
Pramanix สลายลดพลังศัตรูให้โดนหนักขึ้น เมื่อเป็น E2 ระยะโจมตีจะเพิ่มเป็น 2 ช่อง ยกเว้นด้านหลัง ทำให้ระยะดีบัฟกว้างขึ้น เหมาะกับด่านยากๆ ในอนาคต แต่ใช้งานแพตช์แรกๆ ไม่ค่อยจำเป็น
Sora ตัว DP น้อยมาก ลงมาบัฟและหยุดเป็นหลัก หรือเลือกสกิลสองไปทางบัฟให้แบบแรงสุดๆ สกิลใช้ได้ค่อนข้างต่อเนื่องแต่ต้องวัดดวงกับ Talent นิดนึง เป็นตัวมีประโยชน์ในด่านยากๆ
Summon T1/T3: Mayer / Deepcolor
พวกเรียกซัมม่อนมาป่วน ถ้าคุมตำแหน่งตัวที่เรียกออกมาดีๆ ช่วยได้เยอะ Mayer มีโดรนแบบระเบิดตัวเองแล้วสตั๊นโดยรอบได้ ทำให้น่าใช้พอสมควร
Specialist (Utility / CC / Push-Pull)
กลุ่มนี้แบ่งลำดับยาก เพราะใช้ได้ดีในบางฉาก แม้แต่ในช่วงหลัง ขึ้นกับความถนัดของแต่ละคน
Projekt Red: คล้าย Gravel แต่สถานะดีกว่า เมื่อลงสนามสามารถสตั๊นรอบตัวได้
Gravel: ตัวที่ตายหรือขายทิ้งแล้ว จะกลับมาสนามได้ไวมาก เหมาะกับฉากที่ต้องการตัวไปขวาง อัพจาก Potentials เต็มค่อนข้างง่ายจากระบบ Recruit
Manticore: ระหว่างไม่โจมตีจะไม่ตกเป็นเป้าของตัวยิงไกล มีทั้งทำให้ช้า (S1) และสตั๊น (S2) โจมตีทุกตัวในระยะรอบๆ แสบระดับ 6 ดาว
Feater: หาได้จากร้านเครดิตในเกม มีสกิลผลัก แล้วทำให้ช้าลง ตัวเองยังหลบหลีกได้ดี
Shaw: ตัวฟรี ในท้าย Episode 1 มีสกิลผลัก ใช้งานดีในฉากที่มีเหว สามารถฆ่าศัตรูได้ทันทีที่ผลักตกเหว
Cliffheart: ตัวฟรีเข้าเกม 7 วัน ดึงศัตรูมาหาได้ทีละหลายตัว และมีสตั๊น
Rope: ตัวตรงข้ามกับ Shaw ดึงศัตรูเข้ามาหา เหมาะกับการฆ่าพวกตัวยิงไกลอีกฝ่าย ยิ่ง Elite ดึงได้ไกลจากจุดที่ยืนอีก 4 ช่องให้เข้ามาหา
วิเคราะห์สกิลตัวละคร
ตัวละครระดับท็อป ตามคลาส
- รีวิว Vanguard / Guard 5-6 ดาว
- รีวิว Sniper/Caster/Support 5-6 ดาว
- รีวิว Defender/Medic/Specialist 5-6 ดาว
สำหรับตัวละคร Event แรก 5-19 ก.พ. ดูได้ที่
Grani / Skadi / Midnight / Nightmare / Beehunter